จุลลกเศรษฐีชาดก (ว่าด้วยคนฉลาดตั้งตนได้)ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตค การแปล - จุลลกเศรษฐีชาดก (ว่าด้วยคนฉลาดตั้งตนได้)ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตค ไทย วิธีการพูด

จุลลกเศรษฐีชาดก (ว่าด้วยคนฉลาดตั้งต

จุลลกเศรษฐีชาดก
(ว่าด้วยคนฉลาดตั้งตนได้)


ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติ
ในเมืองพาราณสี ในแคว้นกาสี
พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลเศรษฐี เจริญวัยแล้ว
ได้รับตำแหน่งเศรษฐีได้ชื่อว่า จุลลกเศรษฐี

จุลลกเศรษฐีนั้นเป็นบัณฑิต ฉลาดเฉียบแหลม รู้นิมิตทั้งปวง.
วันหนึ่งจุลลกเศรษฐีนั้นไปสู่ที่บำรุงพระราชา
เห็นหนูตายในระหว่างถนน คำนวนนักขัตฤกษ์ในขณะนั้นแล้ว
กล่าวคำนี้ว่า

กุลบุตรผู้มีดวงตา คือปัญญา
อาจเอาหนูตัวนี้ไปกระทำการเลี้ยงดูภรรยา
และประกอบการงานได้.

กุลบุตรผู้ยากไร้คนหนึ่งชื่อว่า จูฬันเตวาสิก
ได้ฟังคำของเศรษฐีนั้น แล้วคิดว่า ท่านเศรษฐีนี้ไม่รู้ จักไม่พูด
จึงเอาหนูไปขายในตลาดแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นอาหารแมว
ได้ทรัพย์กากณึกหนึ่ง จึงซื้อนํ้าอ้อยด้วยทรัพย์หนึ่งกากณึกนั้น
แล้วเอาหม้อใบหนึ่งตักนํ้าไป เขาเห็นพวกช่างดอกไม้มาจากป่า
จึงให้ชิ้นนํ้าอ้อยคนละหน่อยหนึ่ง แล้วให้ดื่มนํ้ากระบวยหนึ่ง
พวกช่างดอกไม้เหล่านั้นได้ให้ดอกไม้คนละกำมือแก่เขา.

แม้ในวันรุ่งขึ้น เขาก็เอาค่าดอกไม้นั้น
ซื้อนํ้าอ้อยและนํ้าดื่มหม้อหนึ่ง ไปยังสวนดอกไม้ทีเดียว
พวกช่างดอกไม้ได้ให้กอดอกไม้ที่เก็บไปแล้ว ครึ่งกอแก่เขาในวันนั้นแล้วก็ไป
ไม่นานนัก เขาก็ได้เงิน ๘ กหาปณะ โดยอุบายนี้.

ในวันมีฝนเจือลมวันหนึ่ง
ไม้แห้งกิ่งไม้และใบไม้เป็นอันมาก
ในพระราชอุทยานถูกลมพัดตกลงมาอีก
คนเฝ้าอุทยานไม่เห็นอุบายที่จะทิ้ง
เขาไปในพระราชอุทยานนั้น
แล้วกล่าวกะคนเฝ้าอุทยานว่า
ถ้าท่านจักให้ไม้และใบไม้เหล่านั้นแก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจักนำของทั้งหมด ออกไปจากสวนนี้ของท่าน
คนเฝ้าอุทยานนั้นรับคำว่า เอาไปเถอะนาย.

จูฬันเตวาสิกจึงไปยังสนามเล่นของพวกเด็กๆให้นํ้าอ้อย
ให้ต้นไม้และใบไม้ทั้งหมดออกไปโดยเวลาครู่เดียว
ให้กองไว้ที่ประตูอุทยาน.

ในกาลนั้น ช่างหม้อหลวงเที่ยวหาฟืน
เพื่อเผาภาชนะดินของหลวง
เห็นไม้และใบไม้เหล่านั้นที่ประตูอุทยาน
จึงซื้อเอาจากมือของจูฬันเตวาสิกนั้น.
วันนั้น จูฬันเตวาสิกได้ทรัพย์ ๑๖ กหาปณะ
และภาชนะ ๕ อย่างมีตุ่มเป็นต้น ด้วยการขายไม้.

เมื่อมีทรัพย์ ๒๔ กหาปณะ จูฬันเตวาสิกนั้นจึงคิดว่า
เรามีอุบายนี้ แล้วตั้งตุ่มนํ้าดื่มตุ่มหนึ่งไว้
ในที่ไม่ไกลประตูพระนคร บริการคนหาบหญ้า ๕๐๐ คนด้วยนํ้าดื่ม.
คนหาบหญ้า แม้เหล่านั้นกล่าวว่า สหาย ท่านมีอุปการะมากแก่พวกเรา
พวกเราจะกระทำอะไรแก่ท่าน (ได้บ้าง).

จูฬันเตวาสิกนั้นกล่าวว่า เมื่อกิจเกิดขึ้นแก่เรา
ท่านทั้งหลายจักกระทำ แล้วเที่ยวไปข้างโน้นข้างนี้
ได้กระทำความสนิทสนม โดยความเป็นมิตร
กับคนผู้ทำงานทางบก และคนทำงานทางนํ้า.

คนทำงานทางบกบอกแก่จูฬันเตวาสิกนั้นว่า
พรุ่งนี้ พ่อค้าม้าจักพาม้า ๕๐๐ ตัวมายังนครนี้.
นายจูฬันเตวาสิกนั้นได้ฟังคำของคนทำงานทางบกนั้นแล้ว
จึงกล่าวกะพวกคนหาบหญ้าว่า
วันนี้ ท่านจงให้หญ้าแก่เราคนละกำ
และเมื่อเรายังไม่ได้ขายหญ้า
ท่านทั้งหลายอย่าขายหญ้าของตนๆ
คนหาบหญ้าเหล่านั้นรับคำแล้ว
นำหญ้า ๕๐๐ กำ มาลงที่ประตูบ้านของจูฬันเตวาสิกนั้น.
พ่อค้าม้าไม่ได้อาหารสำหรับม้าในพระนครทั้งสิ้น
จึงให้ทรัพย์หนึ่งพันแก่จูฬันเตวาสิกนั้น แล้วถือเอาหญ้านั้นไป.

แต่นั้นล่วงไป ๒-๓ วัน สหายผู้ทำงานทางนํ้า
บอกแก่จูฬันเตวาสิกนั้นว่า เรือใหญ่มาจอดที่ท่าแล้ว.
จูฬันเตวาสิกนั้นคิดว่า มีอุบายนี้.
จึงเอาเงิน ๘ กหาปณะไปเช่ารถ ซึ่งเพียบพร้อมด้วยบริวารทั้งปวง
แล้วไปยังท่าเรือด้วยยศใหญ่ ให้แหวนวงหนึ่งเป็นมัดจำแก่นายเรือ
ให้วงม่าน นั่งอยู่ในที่ไม่ไกล สั่งคนไว้ว่า
เมื่อพ่อค้าภายนอกมา พวกท่านจงบอก โดยการบอกประวิงไว้สามครั้ง.

พ่อค้าประมาณร้อยคนจากเมืองพาราณสีได้ฟังว่า เรือมาแล้ว
จึงมาโดยกล่าวว่า พวกเราจะซื้อเอาสินค้า.
นายเรือกล่าวว่า พวกท่านจักไม่ได้สินค้า
พ่อค้าใหญ่ในที่ชื่อโน้น ให้มัดจำไว้แล้ว

พ่อค้าเหล่านั้นได้ฟังดังนั้น จึงมายังสำนักของจูฬันเตวาสิกนั้น.
คนผู้รับใช้ใกล้ชิด จึงบอกความที่พวกพ่อค้าเหล่านั้นมา
โดยการบอกประวิงไว้สามครั้ง ตามสัญญาเดิม.

พ่อค้าประมาณ ๑๐๐ คนนั้น ให้ทรัพย์คนละพัน
เป็นผู้มีหุ้นส่วนเรือกับจูฬันเตวาสิกนั้น แล้วให้อีกคนละพันให้ปล่อยหุ้น
ได้กระทำสินค้าให้เป็นของตน

จูฬันเตวาสิกถือเอาทรัพย์สองแสน กลับมาเมืองพาราณสี
คิดว่า เราควรเป็นคนกตัญญู
จึงให้ถือเอาทรัพย์แสนหนึ่งไปยังที่ใกล้จุลลกเศรษฐี.



ลำดับนั้น จุลลกเศรษฐีจึงถามจูฬันเตวาสิกนั้นว่า

ดูก่อนพ่อ เธอทำอะไรจึงได้ทรัพย์นี้.

จูฬันเตวาสิกนั้นกล่าวว่า

ข้าพเจ้าตั้งอยู่ในอุบายที่ท่านบอก
จึงได้ทรัพย์ภายใน ๔ เดือนเท่านั้น
แล้วบอกเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่หนูตายเป็นต้นไป.

ท่านจุลลกมหาเศรษฐีได้ฟังคำของจูฬันเตวาสิกนั้น
แล้วคิดว่า บัดนี้ เรากระทำทารกเห็นปานนี้ให้เป็นของเรา จึงจะควร
จึงให้ธิดาของตนผู้เจริญวัยแล้ว กระทำให้เป็นเจ้าของทรัพย์ทั้งสิ้น.

เมื่อท่านเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว จูฬันเตวาสิกนั้นก็ได้ตำแหน่งเศรษฐีในนครนั้น.
ฝ่ายพระโพธิสัตว์ก็ได้ไปตามยถากรรม.


:b44:


พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นตรัสพระธรรมเทศนานี้
ทรงเป็นผู้ตรัสรู้พร้อมยิ่งทีเดียว ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า

บุคคลผู้มีปัญญารู้จักใคร่ครวญ
ย่อมตั้งตนได้ด้วยทรัพย์อันเป็นต้นทุน แม้มีประมาณน้อย
เหมือนคนก่อไฟกองน้อย ให้เป็นกองใหญ่ ฉะนั้น.


บรรดาบทเหล่านั้น

บทว่า อปฺปเกนปิ แปลว่า แม้น้อย คือแม้นิดหน่อย.
บทว่า เมธาวี แปลว่า ผู้มีปัญญา.
บทว่า ปาภเฏน ได้แก่ ด้วยต้นทุนของสินค้า.
บทว่า วิจกฺขโณ ได้แก่ ผู้ฉลาดในโวหาร.
บทว่า สมุฏฺฐาเปติ อตฺตานํ ความว่า ยังทรัพย์และยศใหญ่ให้เกิดขึ้น แล้วตั้งตน
คือยังตนให้ตั้งอยู่ในทรัพย์และยศนั้น.

ถามว่า เหมือนอะไร?

ตอบว่า เหมือนคนก่อไฟกองน้อยให้เป็นกองใหญ่

อธิบายว่า บุรุษผู้เป็นบัณฑิต ใส่โคมัยและจุรณเป็นต้น
แล้วเป่าด้วยลมปาก ก่อไฟนิดหน่อยขึ้น คือให้เพิ่มขึ้น
ได้แก่ทำให้เป็นกองไฟใหญ่โดยลำดับฉันใด บัณฑิตก็ฉันนั้นเหมือนกัน
ได้ทรัพย์อันเป็นต้นทุนแม้น้อย แล้วประกอบอุบายต่างๆ
ย่อมทำทรัพย์และยศให้เกิดขึ้น คือให้เพิ่มขึ้น
ก็แหละครั้นให้เพิ่มขึ้นแล้ว ก็ดำรงตนไว้ในทรัพย์และยศนั้น
ก็หรือว่า ย่อมตั้งตนไว้คือกระทำให้รู้กัน คือให้ปรากฏ
เพราะความเป็นใหญ่ในทรัพย์และยศนั้นนั่นแหละ.

:b47:

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้อย่างนี้ว่า

ดูก่อนภิกษุท
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
จุลลกเศรษฐีชาดก (ว่าด้วยคนฉลาดตั้งตนได้)ในอดีตกาลเมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในเมืองพาราณสีในแคว้นกาสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลเศรษฐีเจริญวัยแล้ว ได้รับตำแหน่งเศรษฐีได้ชื่อว่าจุลลกเศรษฐีจุลลกเศรษฐีนั้นเป็นบัณฑิตฉลาดเฉียบแหลมรู้นิมิตทั้งปวง วันหนึ่งจุลลกเศรษฐีนั้นไปสู่ที่บำรุงพระราชาเห็นหนูตายในระหว่างถนนคำนวนนักขัตฤกษ์ในขณะนั้นแล้ว กล่าวคำนี้ว่า กุลบุตรผู้มีดวงตาคือปัญญา อาจเอาหนูตัวนี้ไปกระทำการเลี้ยงดูภรรยา และประกอบการงานได้ กุลบุตรผู้ยากไร้คนหนึ่งชื่อว่าจูฬันเตวาสิก ได้ฟังคำของเศรษฐีนั้น แล้วคิดว่า ท่านเศรษฐีนี้ไม่รู้ จักไม่พูด จึงเอาหนูไปขายในตลาดแห่งหนึ่ง เพื่อเป็นอาหารแมวได้ทรัพย์กากณึกหนึ่ง จึงซื้อนํ้าอ้อยด้วยทรัพย์หนึ่งกากณึกนั้น แล้วเอาหม้อใบหนึ่งตักนํ้าไป เขาเห็นพวกช่างดอกไม้มาจากป่า จึงให้ชิ้นนํ้าอ้อยคนละหน่อยหนึ่ง แล้วให้ดื่มนํ้ากระบวยหนึ่ง พวกช่างดอกไม้เหล่านั้นได้ให้ดอกไม้คนละกำมือแก่เขา. แม้ในวันรุ่งขึ้น เขาก็เอาค่าดอกไม้นั้น ซื้อนํ้าอ้อยและนํ้าดื่มหม้อหนึ่ง ไปยังสวนดอกไม้ทีเดียว พวกช่างดอกไม้ได้ให้กอดอกไม้ที่เก็บไปแล้ว ครึ่งกอแก่เขาในวันนั้นแล้วก็ไป ไม่นานนักเขาก็ได้เงิน ๘ กหาปณะโดยอุบายนี้ ในวันมีฝนเจือลมวันหนึ่ง ไม้แห้งกิ่งไม้และใบไม้เป็นอันมากในพระราชอุทยานถูกลมพัดตกลงมาอีก คนเฝ้าอุทยานไม่เห็นอุบายที่จะทิ้งเขาไปในพระราชอุทยานนั้น แล้วกล่าวกะคนเฝ้าอุทยานว่า ถ้าท่านจักให้ไม้และใบไม้เหล่านั้นแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจักนำของทั้งหมดออกไปจากสวนนี้ของท่านคนเฝ้าอุทยานนั้นรับคำว่าเอาไปเถอะนาย จูฬันเตวาสิกจึงไปยังสนามเล่นของพวกเด็กๆให้นํ้าอ้อยให้ต้นไม้และใบไม้ทั้งหมดออกไปโดยเวลาครู่เดียว ให้กองไว้ที่ประตูอุทยาน ในกาลนั้นช่างหม้อหลวงเที่ยวหาฟืนเพื่อเผาภาชนะดินของหลวง เห็นไม้และใบไม้เหล่านั้นที่ประตูอุทยานจึงซื้อเอาจากมือของจูฬันเตวาสิกนั้น วันนั้นจูฬันเตวาสิกได้ทรัพย์ ๑๖ กหาปณะ และภาชนะ ๕ อย่างมีตุ่มเป็นต้นด้วยการขายไม้ เมื่อมีทรัพย์ ๒๔ กหาปณะจูฬันเตวาสิกนั้นจึงคิดว่าเรามีอุบายนี้แล้วตั้งตุ่มนํ้าดื่มตุ่มหนึ่งไว้ในที่ไม่ไกลประตูพระนครบริการคนหาบหญ้า ๕๐๐ คนด้วยนํ้าดื่ม คนหาบหญ้าแม้เหล่านั้นกล่าวว่าสหายท่านมีอุปการะมากแก่พวกเราพวกเราจะกระทำอะไรแก่ท่าน (ได้บ้าง) จูฬันเตวาสิกนั้นกล่าวว่าเมื่อกิจเกิดขึ้นแก่เรา ท่านทั้งหลายจักกระทำแล้วเที่ยวไปข้างโน้นข้างนี้ได้กระทำความสนิทสนมโดยความเป็นมิตรกับคนผู้ทำงานทางบกและคนทำงานทางนํ้า คนทำงานทางบกบอกแก่จูฬันเตวาสิกนั้นว่า พรุ่งนี้พ่อค้าม้าจักพาม้า ๕๐๐ ตัวมายังนครนี้ นายจูฬันเตวาสิกนั้นได้ฟังคำของคนทำงานทางบกนั้นแล้วจึงกล่าวกะพวกคนหาบหญ้าว่า วันนี้ท่านจงให้หญ้าแก่เราคนละกำ และเมื่อเรายังไม่ได้ขายหญ้าท่านทั้งหลายอย่าขายหญ้าของตน ๆคนหาบหญ้าเหล่านั้นรับคำแล้ว นำหญ้า ๕๐๐ กำมาลงที่ประตูบ้านของจูฬันเตวาสิกนั้น พ่อค้าม้าไม่ได้อาหารสำหรับม้าในพระนครทั้งสิ้น จึงให้ทรัพย์หนึ่งพันแก่จูฬันเตวาสิกนั้นแล้วถือเอาหญ้านั้นไป สหายผู้ทำงานทางนํ้าแต่นั้นล่วงไป ๒ - ๓ วันบอกแก่จูฬันเตวาสิกนั้นว่าเรือใหญ่มาจอดที่ท่าแล้ว จูฬันเตวาสิกนั้นคิดว่ามีอุบายนี้ จึงเอาเงิน ๘ กหาปณะไปเช่ารถซึ่งเพียบพร้อมด้วยบริวารทั้งปวงแล้วไปยังท่าเรือด้วยยศใหญ่ให้แหวนวงหนึ่งเป็นมัดจำแก่นายเรือ ให้วงม่านนั่งอยู่ในที่ไม่ไกลสั่งคนไว้ว่า เมื่อพ่อค้าภายนอกมาพวกท่านจงบอกโดยการบอกประวิงไว้สามครั้งพ่อค้าประมาณร้อยคนจากเมืองพาราณสีได้ฟังว่าเรือมาแล้วจึงมาโดยกล่าวว่าพวกเราจะซื้อเอาสินค้า นายเรือกล่าวว่าพวกท่านจักไม่ได้สินค้า พ่อค้าใหญ่ในที่ชื่อโน้นให้มัดจำไว้แล้ว พ่อค้าเหล่านั้นได้ฟังดังนั้นจึงมายังสำนักของจูฬันเตวาสิกนั้นคนผู้รับใช้ใกล้ชิดจึงบอกความที่พวกพ่อค้าเหล่านั้นมา โดยการบอกประวิงไว้สามครั้งตามสัญญาเดิม พ่อค้าประมาณ ๑๐๐ คนนั้นให้ทรัพย์คนละพันเป็นผู้มีหุ้นส่วนเรือกับจูฬันเตวาสิกนั้นแล้วให้อีกคนละพันให้ปล่อยหุ้น ได้กระทำสินค้าให้เป็นของตน จูฬันเตวาสิกถือเอาทรัพย์สองแสนกลับมาเมืองพาราณสี คิดว่าเราควรเป็นคนกตัญญู จึงให้ถือเอาทรัพย์แสนหนึ่งไปยังที่ใกล้จุลลกเศรษฐี ลำดับนั้นจุลลกเศรษฐีจึงถามจูฬันเตวาสิกนั้นว่า ดูก่อนพ่อเธอทำอะไรจึงได้ทรัพย์นี้ จูฬันเตวาสิกนั้นกล่าวว่า ข้าพเจ้าตั้งอยู่ในอุบายที่ท่านบอก จึงได้ทรัพย์ภายใน ๔ เดือนเท่านั้นแล้วบอกเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่หนูตายเป็นต้นไปท่านจุลลกมหาเศรษฐีได้ฟังคำของจูฬันเตวาสิกนั้น แล้วคิดว่าบัดนี้เรากระทำทารกเห็นปานนี้ให้เป็นของเราจึงจะควร จึงให้ธิดาของตนผู้เจริญวัยแล้วกระทำให้เป็นเจ้าของทรัพย์ทั้งสิ้น เมื่อท่านเศรษฐีล่วงลับไปแล้วจูฬันเตวาสิกนั้นก็ได้ตำแหน่งเศรษฐีในนครนั้นฝ่ายพระโพธิสัตว์ก็ได้ไปตามยถากรรม: b44: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าครั้นตรัสพระธรรมเทศนานี้ ทรงเป็นผู้ตรัสรู้พร้อมยิ่งทีเดียวได้ตรัสพระคาถานี้ว่า บุคคลผู้มีปัญญารู้จักใคร่ครวญย่อมตั้งตนได้ด้วยทรัพย์อันเป็นต้นทุนแม้มีประมาณน้อยเหมือนคนก่อไฟกองน้อยให้เป็นกองใหญ่ฉะนั้น บรรดาบทเหล่านั้น บทว่าอปฺปเกนปิแปลว่าแม้น้อยคือแม้นิดหน่อย บทว่าเมธาวีแปลว่าผู้มีปัญญา บทว่าปาภเฏนได้แก่ด้วยต้นทุนของสินค้า บทว่าวิจกฺขโณได้แก่ผู้ฉลาดในโวหาร บทว่าสมุฏฺฐาเปติอตฺตานํความว่ายังทรัพย์และยศใหญ่ให้เกิดขึ้นแล้วตั้งตนคือยังตนให้ตั้งอยู่ในทรัพย์และยศนั้น ถามว่าเหมือนอะไร ตอบว่าเหมือนคนก่อไฟกองน้อยให้เป็นกองใหญ่ อธิบายว่าบุรุษผู้เป็นบัณฑิตใส่โคมัยและจุรณเป็นต้นแล้วเป่าด้วยลมปากก่อไฟนิดหน่อยขึ้นคือให้เพิ่มขึ้น ได้แก่ทำให้เป็นกองไฟใหญ่โดยลำดับฉันใดบัณฑิตก็ฉันนั้นเหมือนกันได้ทรัพย์อันเป็นต้นทุนแม้น้อยแล้วประกอบอุบายต่าง ๆ ย่อมทำทรัพย์และยศให้เกิดขึ้นคือให้เพิ่มขึ้น ก็แหละครั้นให้เพิ่มขึ้นแล้วก็ดำรงตนไว้ในทรัพย์และยศนั้นก็หรือว่าย่อมตั้งตนไว้คือกระทำให้รู้กันคือให้ปรากฏ เพราะความเป็นใหญ่ในทรัพย์และยศนั้นนั่นแหละ : b47: พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้อย่างนี้ว่า ดูก่อนภิกษุท
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
จุลลกเศรษฐีชาดก
( ว่าด้วยคนฉลาดตั้งตนได้ ) ) ) ) ) ) )




ในอดีตกาลเมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชการมบัตค้นหา
ในเมืองพาราณการีในแคว้นกาการี
พระโพธการค้นหาัตว์บังเกค้นหาดในตระกูลเศรษฐีเจรค้นหาญวัยแล้ว
ได้รับตำแหน่งเศรษฐีได้ชื่อว่าจุลลกเศรษฐี

จุลลกเศรษฐีนั้นเป็นบัณฑค้นหาตฉลาดเฉียบแหลมรู้นค้นหามค้นหาตทั้งปวง . . . . . . .
วันหนึ่งจุลลกเศรษฐีนั้นไปการู่ที่บำรุงพระราชา
เห็นหนูตายในระหว่างถนนคำนวนนักขัตฤกษ์ในขณะนั้นแล้ว
กล่าวคำนี้ว่า

กุลบุตรผู้มีดวงตาคือปัญญา
อาจเอาหนูตัวนี้ไปกระทำการเลี้ยงดูภรรยา
และประกอบการงานได้ . . . . . . .

กุลบุตรผู้ยากไร้คนหนึ่งชื่อว่าจูฬันเตวาในการค้นหาก
ได้ฟังคำของเศรษฐีนั้นแล้วคค้นหาดว่าท่านเศรษฐีนี้ไม่รู้จักไม่พูด
จึงเอาหนูไปขายในตลาดแห่งหนึ่งเพื่อเป็นอาหารแมว
ได้ทรัพย์กากณึกหนึ่งจึงซื้อนํ้าอ้อยด้วยทรัพย์หนึ่งกากณึกนั้น
แล้วเอาหม้อใบหนึ่งตักนํ้าไปเขาเห็นพวกช่างดอกไม้มาจากป่า
จึงให้ชค้นหา้นนํ้าอ้อยคนละหน่อยหนึ่งแล้วให้ดื่มนํ้ากระบวยหนึ่ง
พวกช่างดอกไม้เหล่านั้นได้ให้ดอกไม้คนละกำมือแก่เขา . . . . . . .

แม้ในวันรุ่งขึ้นเขาก็เอาค่าดอกไม้นั้น
ซื้อนํ้าอ้อยและนํ้าดื่มหม้อหนึ่งไปยังการวนดอกไม้ทีเดียว
พวกช่างดอกไม้ได้ให้กอดอกไม้ที่เก็บไปแล้วครึ่งกอแก่เขาในวันนั้นแล้วก็ไป
ไม่นานนักเขาก็ได้เงค้นหาน๘กหาปณะโดยอุบายนี้ . . . . . . .

ในวัสาว hmoob ีฝนเจือลมวันหนึ่ง
ไม้แห้งกค้นหา่งไม้และใบไม้เป็นอัสาว hmoob าก
ในพระราชอุทยานถูกลมพัดตกลงมาอีก
คนเฝ้าอุทยานไม่เห็นอุบายที่จะทค้นหา้ง
เขาไปในพระราชอุทยานนั้น
แล้วกล่าวกะคนเฝ้าอุทยานว่า
ถ้าท่านจักให้ไม้และใบไม้เหล่านั้นแก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจักนำของทั้งหมดออกไปจากการวนนี้ของท่าน
คนเฝ้าอุทยานนั้นรับคำว่าเอาไปเถอะนาย . . . . . . .

จูฬันเตวาในการค้นหากจึงไปยังการนามเล่นของพวกเด็กๆให้นํ้าอ้อย
ให้ต้นไม้และใบไม้ทั้งหมดออกไปโดยเวลาครู่เดียว
ให้กองไว้ที่ประตูอุทยาน . . . . . . .

ในกาลนั้นช่างหม้อหลวงเที่ยวหาฟืน
เพื่อเผาภาชนะดค้นหานของหลวง
เห็นไม้และใบไม้เหล่านั้นที่ประตูอุทยาน
จึงซื้อเอาจากมือของจูฬันเตวาในการค้นหากนั้น . . . . . . .
วันนั้นจูฬันเตวาในการค้นหากได้ทรัพย์๑๖กหาปณะ
และภาชนะ๕อย่างมีตุ่มเป็นต้นด้วยการขายไม้ . . . . . . .

เมื่อมีทรัพย์๒๔กหาปณะจูฬันเตวาในการค้นหากนั้นจึงคค้นหาดว่า
เรามีอุบายนี้แล้วตั้งตุ่มนํ้าดื่มตุ่มหนึ่งไว้
ในที่ไม่ไกลประตูพระนครบรค้นหาการคนหาบหญ้า๕๐๐คนด้วยนํ้าดื่ม . . . . . . .

คนหาบหญ้าแม้เหล่านั้นกล่าวว่าการหายท่าสาว hmoob ีอุปการะมากแก่พวกเรา
พวกเราจะกระทำอะไรแก่ท่าน ( ได้บ้าง ) ) ) ) ) ) ) . . . . . . .

จูฬันเตวาในการค้นหากนั้นกล่าวว่าเมื่อกค้นหาจเกค้นหาดขึ้นแก่เรา
ท่านทั้งหลายจักกระทำแล้วเที่ยวไปข้างโน้นข้างนี้
ได้กระทำความนในการค้นหาการทสาว hmoob โดยความเป็สาว hmoob ค้นหาตร
กับคนผู้ทำงานทางบกและคนทำงานทางนํ้า . . . . . . .

คนทำงานทางบกบอกแก่จูฬันเตวาในการค้นหากนั้นว่า
พรุ่งนี้พ่อค้าม้าจักพาม้า๕๐๐ตัวมายังนครนี้ . . . . . . .

การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: